เมื่อ : 12 ก.ย. 2567

“Thai Silver Jewelry is the Best” ประโยคที่ชาวต่างชาติกล่าวขานถึงเครื่องประดับเงินจากประเทศไทยนี้ ไม่เกินจริงอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินไทยเป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับนานหลายทศวรรษ
การผลิตเครื่องประดับเงินไทยถือเป็นงานหัตถศิลป์ที่แสดงถึงความประณีตศิลป์ในงานช่าง จากการผลิตผ่านกรรมวิธีที่เป็นงานทำมือผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และทักษะการผลิตเฉพาะถิ่นสืบทอดต่อกันมาส่งผลให้ประเทศไทยครองความเป็นผู้นำส่งออกเครื่องประดับเงินในตลาดโลกมาอย่างยาวนาน นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินไทยเป็นเสมือนหนึ่งในอัญมณีที่ส่องประก
ายบนเวทีเศรษฐกิจโลกด้วยมูลค่าการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญในการสร้างงานและรายได้ให้กับประเทศจากข้อมูลการส่งออกเครื่องประดับเงินไทยช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 มีมูลค่าการส่งออก 842.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน 19.51% โดยงตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ และออสเตรเลีย แม้ในระยะหลังจะมีคู่แข่งในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างจีน อิตาลี หรือตุรกี แต่ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบที่สำคัญนั่นคือ ช่างฝีมือไทยมีความประณีต ละเอียดอ่อน และมีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ มีการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่ดีทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของสินค้า ความหลากหลายของรูปแบบและวิธีการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม อาทิ การผลิตด้วยช่างฝีมือตามวิธีดั้งเดิมที่เพิ่มการผสมผสานเทคนิคใหม่ การออกแบบที่ทันสมัยตามแนวโน้มแฟชั่นโลก และการผลิตเครื่องประดับชั้นสูงที่ใช้ความประณีตขั้นสูงสุด ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีหน่วยงานสำคัญด้านอัญมณีและเครื่องประดับ
โดยเฉพาะสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่สนับสนุนด้านการพัฒนาบุคลากรและการกําหนดมาตรฐานสินค้าสมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทยที่เป็นหน่วยงานกลางในการช่วยเหลือสมาชิก แลกเปลี่ยนข้อมูล และเป็นศูนย์กลางของกลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการ นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐได้เดินหน้าส่งเสริมสนับสนุนและกระตุ้นการส่งออกของเครื่องประดับเงินไทยอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ ดังเช่น การจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems & Jewelry Fair) อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี
โดยเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย และยิ่งใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 4 ของโลก 

ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้ค้าจากทั่วโลก ต้องเดินทางมาเจรจาและสั่งซื้อสินค้าในงานที่รวบรวมผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ค้าปลีกเครื่องประดับจากทั่วโลก ช่วยสร้างเครือข่ายและเกิดการเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าต่างชาติโดยตรงตลอดจนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยงานที่ครั้งที่ 70  มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2567  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ด้าน 
นายสิทธิศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง นายกสมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย กล่าวว่า เครื่องประดับเงินของประเทศไทยยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด ต่างประเทศ เนื่องจากได้รับการยอมรับทั้งในด้านคุณภาพการผลิต
การออกแบบ การให้บริการที่ครบวงจร และการเอาใจใส่ลูกค้าในทุกขั้นตอน โดยครองส่วนแบ่งการตลาดส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศผู้บริโภคขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันถึงการยอมรับในฝีมือการผลิตเครื่องประดับเงิน ตลอดจนความหลากหลายของรูปแบบสินค้า ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงอย่างประเทศอินเดียก็มีความต้องการเครื่องประดับเงินไทยมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับเงินไทยได้รับการยอมรับไปทั่วโลกอย่างแท้จริง อุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินไทยจะยังคงพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรักษาและพัฒนาบุคคลากรที่มีฝีมือองค์ความรู้ในการด้านออกแบบตลอดจนการรับและพัฒนานวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตการออกแบบ และการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อพร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
และด้วยการผสมผสานรากฐานความเป็นไทย ทั้งความประณีต จริยธรรม และความเอาใส่ใจ ก่อให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะของการผลิตและการส่งออกเครื่องประดับเงินไทย ความสำเร็จของอุตสาหกรรมฯ เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนเครือข่ายต่างๆ ที่จะร่วมกันพัฒนาและผลักดันให้เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปทั้งการเพิ่มตลาดใหม่ๆ และรักษาสถานภาพความเป็นผู้นำในตลาดโลก ขณะเดียวกันยังคงให้ความใส่ใจในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม การรักษาธรรมาภิบาล ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อบุคคลากรในอุตสาหกรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่หนุนนำให้อุตสาหกรรมนี้สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินไทยมีอนาคตที่สดใสรออยู่ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรมและการปรับตัวให้ทันกับกระแสโลก
ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่นำพาอุตสาหกรรมนี้ไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนบนเวทีโลก

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ