เมื่อ : 02 ก.ย. 2566

รายงานพิเศษ 

 

เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว ผู้บริหารแอลจี (LG) ผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือแบรนด์ระดับโลก ซึ่งมีบริษัทในไทยที่ชื่อว่า “แอลจี มิตร” ภายใต้การดูแลของตระกูลเจ้าของแบรนด์ “ไดสตาร์” ได้เคยกล่าวว่า วันหนึ่งโทรศัพท์มือถือจะเป็นทุกอย่าง ทำอะไรได้ทุกอย่างผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว 

 

ประโยคดังกล่าวกลายเป็นจริงขึ้นมา เมื่อวันนี้โทรศัพท์มือถือสั่งอาหารได้ ตัดต่อวีดีโอได้ ทำอะไรได้หมดด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเหตุที่ทำให้แอลจีสามารถทำนาย หรือ พยากรณ์เทคโนโลยีได้นั้น เพราะแอลจีเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญด้านวิจัยและพัฒนามาตลอดโดยไม่หยุดแม้แต่ก้าวเดียว 

 

@”เกาหลีใต้”ผู้มาก่อนการด้านเทคโนโลยี

อาคารเทคโนโลยีของแอลจีที่ประเทศเกาหลีใต้ สามารถเปิดปิดประตูด้วยม่านตาของคนตั้งแต่ปี 2545 หรือเมื่อ 21 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น “เกาหลีใต้” จึงนับว่า ยืนอยู่ในจุดผู้นำด้านเทคโนโลยีมานาน

 

ขณะที่วิศวกรด้านโทรคมนาคมชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในไทยก็ยอมรับเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ แม้ว่าจะมีเรื่องประวัติศาสตร์ระหว่างประเทศที่ไม่ลงรอยกันบ้าง แต่ก็พบว่า วิศวกรชาวญี่ปุ่นก็ใช้โทรศัพท์มือถือของแบรนด์ “ซัมซุง” 

 

รวมทั้งพบว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว “เกาหลีใต้” ลงทุนอย่างหนักในการก้าวสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยี “6จี” โดยโคเรียเฮอรัลด์รายงานว่า แอลจีอิเล็กทรอนิกส์เริ่มดำเนินการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี 6G เพื่อเป็นผู้นำตลาดในอนาคต โดยเปิดศูนย์วิจัย 6G ภายในสถาบันพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเกาหลี ( KAIST Institute) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยสถาบันเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี ในเมืองแทจอน โดยมีโช ดง โฮ ศาสตราจารย์ด้านวิศกรรมไฟฟ้าเป็นหัวหน้าศูนย์ดังกล่าว

 

@เกาหลีใต้กับความร่วมมือด้านวิจัยในไทย 

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือ สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ (SCiRA) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการศึกษาวิจัยแนวทางป้องกันปัญหาฝุ่นละออง ด้วยการตรวจสอบการทำงานของเทคโนโลยีในเครื่องฟอกอากาศ แอลจี เพียวริแคร์ (LG PuriCare) และเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของแอลจี ที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศและดูดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กถึง 1.0 ไมครอน (PM 1.0) และ เทคโนโลยีที่นำมาศึกษาวิจัยในครั้งนี้ถูกนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาแนวทางในการลดปัญหาภาวะวิกฤติฝุ่นของประเทศไทยในอนาคต โดยรองศาสตราจารย์ ดร.อนุวัฒน์ จางวนิชเลิศ รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายบริหารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า  สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีความมุ่งมั่นในการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) ตามนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมเมือง เช่น วิกฤติฝุ่น ซึ่งการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับแอลจีทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าผลลัพธ์จากการศึกษาวิจัยจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการดำรงชีวิต และเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของคนไทย

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ