กรมพัฒนาธุรกิจฯ เร่งเพิ่มทักษะด้านนวัตกรรมธุรกิจให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับ เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ นำไปปรับใช้ควบคู่งานบริการ หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ทุกระดับ พร้อมเร่งเพิ่มทักษะด้านนวัตกรรมธุรกิจ ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการและประชาชน นอกจากได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ เพื่อพัฒนางานบริการให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ยังหวังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลงพื้นที่ศึกษารูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนาแนวคิดเชิงนวัตกรรม ณ คูโบต้าฟาร์ม อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นธุรกิจต้นแบบด้านนวัตกรรมธุรกิจการเกษตรที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยรับฟังความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อนำไปวางแผนส่งเสริมพัฒนาธุรกิจให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการบริหารงานภาครัฐของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้ภาครัฐลงพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจความต้องการของภาคธุรกิจในทุกมิติ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาและตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุด ซึ่งใช่เพียงแต่ภาคธุรกิจจะได้รับการส่งเสริมพัฒนาบนทิศทางที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ภาครัฐยังจะได้เรียนรู้เทคนิคการบริหารงานของแต่ละองค์กรที่มีรูปแบบและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างหลากหลาย มาประยุกต์ใช้ในงานบริหารรัฐกิจเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขั้นสูง เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่แม่นยำจะช่วยลดการสูญเสียโอกาสด้านต่างๆ และได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าของทั้ง 2 ฝ่าย
บุคลากรภาครัฐจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทั้งทักษะเฉพาะตัวและศึกษาเรียนรู้รูปแบบการบริหารจัดการของหน่วยงานที่หลากหลาย ทำให้ได้เห็นสภาพความเป็นจริง เรียนรู้ปัญหา อุปสรรค การดำเนินงาน วิธีกำจัดจุดอ่อนที่ได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นจุดแข็ง ส่งผลให้องค์กรมีความยั่งยืน ซึ่งพันธกิจการดำเนินงานของคูโบต้าฟาร์มที่ยกระดับการเกษตรแบบดั้งเดิม โดยใช้นวัตกรรมเกษตรครบวงจร KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบ ‘เกษตรแม่นยำที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและให้ผลลัพธ์คุ้มค่า’ โดยวิธีการ Smart Farming หรือ ‘เกษตรอัจฉริยะ’ ที่นำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้กับวิธีการเกษตรแบบดั้งเดิม เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่มีการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาให้บริการภาคธุรกิจและประชาชน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุนการให้บริการที่เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้มีความรวดเร็ว ถูกต้อง ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้เป็น ‘นวัตกร’ ที่พร้อมสร้างสรรค์งานให้ตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วน โดยให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า จากการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะผู้บริหารคูโบต้าฟาร์ม พบว่า คูโบต้าฟาร์ม ให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ใช้เทคนิคการผสมผสานทุกภาคส่วนทุกภารกิจเพื่อให้เกิดการสมดุล เกิดการพัฒนาธุรกิจและไม่หยุดนิ่งที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น (ตลอดเวลา) อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นจนถึงปลายเหตุ ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะให้คูโบต้าฟาร์มเป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนอื่นๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนา/ยกระดับทักษะการนำนวัตกรรมมาประกอบการบริหารจัดการธุรกิจ/องค์กรของผู้เข้าศึกษาดูงาน
คูโบต้าฟาร์ม มีเนื้อที่ทั้งหมด 220 ไร่ แบ่งออกเป็น 9 โซน โดยได้น้อมนำโครงการพระราชดำริต่างๆ มาเป็นหลักคิดใช้กับทุกโซน และให้ความสำคัญต่อการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งแต่ละโซนเต็มไปด้วยโซลูชัน นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการเกษตรมากมายที่ช่วยให้เกษตรกรได้เลือกหยิบนำไปทดลองใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมของตนเอง หรือแม้แต่หน่วยงานต่างๆ ที่เข้าศึกษาดูงานก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามบริบทของหน่วยงานได้ด้วยเช่นกัน การเข้าศึกษาดูงานช่วยจุดประกายให้เห็นถึงความสำคัญของการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในทุกๆ ภารกิจ โดยเฉพาะช่วยส่งเสริมให้บุคลากรเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาที่มีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้การบริการมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
การนำคณะฯ มาศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคณะผู้บริหารคูโบต้าฟาร์มในครั้งนี้ สามารถนำความรู้และเทคนิคที่ได้รับไปพัฒนา ต่อยอด และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและใช้แนวคิดเชิงนวัตกรรมมาเสริมสมรรถนะการให้บริการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน แรงบันดาลใจจากเทคนิคการผสมผสานภารกิจ บุคลากรกรมฯ พร้อมพัฒนาศักยภาพตนเองในรูปแบบ 2 In 1 โดยบุคลากร 1 คน จะเป็นทั้งผู้ให้บริการและที่ปรึกษาแนะนำการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SME ส่งผลให้การบริการภาครัฐมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ทั้งนี้ กรมฯ หวังว่าการผสมผสานภารกิจข้างต้น จะสามารถสร้างความพึงพอใจและตอบสนองความต้องการภาคธุรกิจและประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐลง เนื่องจากมีระบบการบริหารบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ และใช้ประโยชน์จากความสามารถของบุคลากรได้เต็มศักยภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพร้อมเดินหน้าพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดและให้การสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อให้ภาครัฐและภาคธุรกิจบูรณาการการทำงานร่วมกัน และเป็นหน่วยหลักที่ร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และแข็งแกร่งต่อไป” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 4458 e-Mail : secretary@dbd.go.th สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th
#SuperDBD
#กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
#กระทรวงพาณิชย์