สหพัฒน์ จับมือ ราชพัฒนา เปิดตัวโครงการ Solar Floating ริมรันเวย์สนามบิน ใน 4 สวนอุตสาหกรรม
กรุงเทพฯ – บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เดินหน้ายกระดับสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์สู่ความยั่งยืน โดยลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ให้เป็นผู้พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ทุกแห่ง พร้อมเปิดตัวโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating) แห่งแรกที่ตั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำริมรันเวย์สนามบิน ภายในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ - ลำพูน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งพิธีลงนาม MOU และสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Private PPA) ได้จัดขึ้น ณ ห้องประชุม SILK 1 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
โครงการดังกล่าวสะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเครือสหพัฒน์ ในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยเฉพาะในบริบทที่มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น CBAM ของสหภาพยุโรป หรือ พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Act) เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจของภาคอุตสาหกรรมไทยมากขึ้น การใช้พลังงานหมุนเวียนจึงกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และยังสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) และแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ของประเทศไทย ที่ตั้งเป้าให้พลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของพลังงานทั้งหมดภายในปี 2580 นอกจากนี้ ยังเป็นการต่อยอดจากโครงการนำร่องที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา ซึ่งดำเนินการจนประสบความสำเร็จเมื่อปี 2564
นายสนทยา ทับขันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของเราที่ต้องการสนับสนุนระบบพลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรม โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง ราช กรุ๊ป พร้อมสร้างโมเดลที่ยั่งยืนในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในบริบทที่พลังงานหมุนเวียนกำลังกลายเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตไม่เพียงตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับประเด็น ESG และ Net Zero ตอกย้ำเจตนารมณ์ของบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม”
ด้านนายกล้าหาญ สุขไสว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการ Solar Floating ดังกล่าว มีกำลังการผลิตรวม 4.12 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) หนึ่งในเครือของราช กรุ๊ป เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ บริษัท เอจีซี ไมโคร กลาส (ประเทศไทย) จำกัด โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 2569 ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการขยายธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนร่วมกับเครือสหพัฒน์ ที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดและความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังงานสะอาดร่วมกัน เพื่อรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน แต่ยังเสริมความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก พร้อมสนับสนุนเป้าหมายของประเทศในการมุ่งสู่ Net Zero อย่างมั่นคงและยั่งยืนอีกด้วย”
Saha Group Partners with Ratch Pathana to Lunch Floating Solar Project Alongside Airport Runways in Four Industrial Parks
Bangkok– Saha Pathana Inter-Holding Public Company Limited (SPI) is advancing its commitment to drive sustainable development of all Saha Group Industrial Parks by signing a Memorandum of Understanding (MOU) with Ratch Pathana Energy Public Company Limited (SCG) to develop clean energy projects for supplying electricity to customers across Saha Group Industrial Parks. As part of this initiative the first floating solar project was officially launched and located on a reservoir next to the runway of the airport within the Saha Group Industrial Park – Lamphun. The project aims to concretely promote the use of renewable energy in Thailand’s industrial sector. The MOU and Private Power Purchase Agreement (Private PPA) signing ceremonies were held at the SILK 1 meeting room Bangkok International Trade & Exhibition Centre (BITEC) Bangna.
This project reflects the vision of the Saha Group’s executives in supporting the transition to clean energy especially in the context of increasing influence from environmental regulations such as the European Union’s Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) and Thailand’s upcoming Climate Change Act. The adoption of renewable energy has become a key strategy for enhancing competitiveness in the global market. It also aligns with Thailand’s Power Development Plan (PDP) and the Alternative Energy Development Plan (AEDP) which target over 30% renewable energy in the national energy mix by 2037. Moreover this initiative extends the success of a pilot project implemented at the Saha Group Industrial Park – Sriracha since 2021.
Mr. Sontaya Tabkhan President of Saha Pathana Inter-Holding Public Company Limited stated: “This project reflects our strong commitment to supporting clean energy systems within the industrial sector through collaboration with a strong partner like RATCH Group. Together we aim to establish a sustainable model to advance Thailand’s industrial sector with a balanced focus on economic social and environmental aspects—especially in a context where renewable energy is becoming a fundamental pillar of future industrial development. This initiative not only addresses environmental concerns but also strengthens the confidence of customers and investors who prioritize ESG and Net Zero commitments. It reinforces the company’s dedication to driving energy and environmental sustainability”
Mr. Klahan Suksawai Managing Director of Ratch Pathana Energy Public Company Limited added “The Floating Solar project has a total installed capacity of 4.12 Megawatts and is being developed by Sahacogen Green Co. Ltd. which is a subsidiary of Ratch Pathana Energy Public Company Limited under RATCH Group. The electricity will be generated and distributed to AGC Micro Glass (Thailand) Co. Ltd. with commercial operation expected to begin in the second quarter of 2026. This represents a significant step in expanding the renewable energy business in partnership with the Saha Group reflecting close cooperation and a shared commitment to developing clean energy. The initiative aims to support concrete growth and the transition to clean energy use within Thailand’s industrial sector. Beyond reducing energy costs it enhances competitiveness on the global stage and supports the nation’s resolute and sustainable pursuit of Net Zero targets.”